ครั้งต้นกล้ากำลังเกิด ก็อย่าเพิ่งเร่งให้โตไวนัก
ซึ่งหลังจากจบภารกิจพิชิตแชมป์แบบสุดระทึก ฝ่ายชาติไทยเดินทางมาถึงมาตุภูมิ ห้วงเวลานี้คือการเดินสาย ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุน
ในขณะเดียวกันการเตรียมกลุ่ม ชุดแห่งอนาคตนี้ ได้ถูกยิงคำถามว่า เราจักไปบอลโลกใช่ใช่ไหมไม่?
ก็ต้องขอเผยว่า ใจเย็นเย็นครับลูกเพ่! มันยังไม่ใช่เวลานี้ครับ...
ภายหลังที่เราเพิ่งวิ่งชนความสำเร็จ พร้อมกับเสียงชื่นชมจากคนทั่วทั้งประเทศ ไม่ผิดหรอกครับที่หลายคนจักมองไกลไปถึงฟุตบอลโลก
ปางแต่ ผมขอบ่งบอกได้เลยว่า มันยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้หรอก เราต้องค่อยๆ ขยับไปทีละขั้น จักดีกว่าครับ
เกริ่นแรกที่ทัวร์นาเม้นท์ ปลายปีหน้าก่อนเลยดีกว่าใน ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่แดน ลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์
นัดนี้ผมขอย้ำว่าคณะฟุตบอลกรุ๊ปชาติไทย กับ การป้องกันแชมป์ จักจัดหนักจัดเต็มอย่างแน่นอน!
ซึ่งทำไม? ผมถึงมั่นใจพร้อมด้วยกล่าวเช่นนั้นออกมา
ก็แหม จักไม่ให้พูดวิเคราะห์ผลบอลแบบนี้ได้อย่างไร ในเท่าที่เหเอิกเกริกบไปมองบัญชีชื่อผู้เล่นจากชุด แชมป์ซูซูกิคัพ 2014 หนนี้ ที่บรรดานักเตะเลือดหนุ่มที่อายุยังน้อย พวกเขามีโอกาสได้ลงวาดลวดลายใน ศึกซีเกมส์ปลายปีหน้า ได้กว่าครึ่งฝ่ายเลยทีเดียว
- ชนินทร์ แซ่เอียะ อายุ 22ปี
- พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา อายุ 21ปี
- อดิศร พรมรักษ์ อายุ 21ปี
- นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม อายุ 20ปี
- ธนบูรณ์ เกษารัตน์ อายุ 21ปี
- อาทิตย์ ดาวสว่าง อายุ 22ปี
- สารัช อยู่เย็น อายุ 22ปี
- ชาริล ชัปปุยส์ อายุ 22ปี
- ชนาธิป สรงกระสินธ์ อายุ 21ปี
- อดิศักดิ์ ไกรษร อายุ 23ปี
ด้วยกันส่วนบัญชีรายชื่อนักเตะ ชุดแชมป์โปรแกรมบอลซีเกมส์ ที่ประเทศเมียนมาร์ คนที่ศักยเล่น ศึกซีเกมส์ ที่ประเทศสิงคโปร์ได้อีกก็มีดังนี้
- นูรูล ศรียานเก็ม อายุ 22ปี
- ภิญโญ อินพินิจ อายุ 22ปี
- ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ อายุ 21ปี
- สุริยา สิงห์มุ้ย อายุ 19ปี
- ปกรณ์ เปรมภักดิ์ อายุ 21ปี
แล้วถ้าจักบอกเล่าว่าเราเป็น พวกเต็ง 1 ของซีเกมส์ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เกินแน่แท้ แถมระเบียนเหล่านี้ ยังไม่รวม ดาวรุ่ง ดาวโรจน์ ที่กำลังรอเวลาโผล่ขึ้นมาอีกนะครับ
ตัวผมเชื่อลึกๆ ว่า ขอแทบแค่เราไม่ประมาท เก็บตัวอย่างต่อเนื่อง พยายามหาแมตช์อุ่นเครื่องไม่ให้ขาด รับรองนักเตะ ชุดแห่งอนาคต คงจักหยิบแชมป์ซีเกมส์ มาให้ประเทศไทยได้ไม่ยาก
พร้อมด้วยส่วนเรื่องการลงคัดเระบือกบอลโลก 2018 ในช่วงปลายปีหน้า ผมเห็นด้วยกับประโยคของ ซิโก้ ที่กราบทูลว่า ต้นกล้ากำลังเกิด อย่าเพิ่งเร่งให้โตไวนัก
ซึ่งเราอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลยครับ เพราะว่านักเตะชุดนี้ยังรอคอยเวลาเติบใหญ่อย่างแข็งแกร่ง เรื่องการได้ไปโลดแล่นใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ยังเป็นเรื่องยากอยู่มหาหินเฉกเช่นเดิม
ถ้าสมมุติกรุ๊ปชาติไทย นั้นพยายามสร้างกรุ๊ปชุดนี้ ให้ยกระดับขึ้นไปอยู่แนวหน้าของเอเชียให้ได้เสียก่อน จากนั้นการมองไปถึงการเข้ารอบบอลโลกรอบสุดท้าย ค่อยมาว่ากันอีกที
คำที่ว่า บอลไทยไปบอลโลก ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าหากทุกส่วนทุกฝ่ายไม่ช่วยกันลงมือทำ
ส่วนไอ้คนที่เอาแต่พูด เอาแต่ด่าว่า ไร้สาระ บอลไทยเนี่ยนะ จักไปบอลโลก ผมขอเถอะครับ! บางครั้งมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมานะ
ถ้าจะติเพื่อก่อ อันนี้ผมว่าน่าเคารพ แต่ไอ้พวกที่วิจารณ์แบบไร้เหตุพร้อมทั้งผล เพราะว่าหารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังโชว์รอยหยักในสมองอันน้อยนิดออกมา ผมว่าก็หยุดเถอะครับ
ซึ่งสุดท้าย เรื่องบอลโลก กับ ฝ่ายชาติไทย ผมยกเอาตัวอย่างที่น่าชื่นชมอย่าง ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเขาเองก็สร้างพวกมานานกว่า 30 ปี ก่อนที่พวกเขาจักได้ไปเชิดหน้าชูตาในรอบสุดท้ายของศึกลูกหนังโลกได้
ประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน การได้เริ่มต้นนับ1..2....3 แบบวันนี้ ในสักวันนึง เราจะไปถึงฝั่งฝันที่ไม่ใช่แค่เรื่อง เพ้อเจ้อ อีกถัดจากนั้น
เรื่องเพราะว่า : บ.ส้มซิ่ง
โค้ชซิโก้ คือหนึ่งความภูมิใจของวงการฟุตบอลไทย
เกี่ยวกับศึกที่เพิ่งจบไปหมาดๆ กับการทวงบัลลังก์แชมป์จ้าวอาเซียน ของเหล่าขุนพลนักเตะ เหล่าชาติไทย ที่เป็นได้คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 ปิดม่านบังตาการรอคอยมาถึง 12 ปีเต็มได้อย่างงดงาม
แต่ก็กว่าจักได้มา ทำเอาดราม่าสุดๆ เหมือนกัน หลังถูกทัพ พวกเสือเหเลื่องลืองถลุง นำ 3 - 0 ก่อนที่จะฮึดกลับมาสู้ซัดสองลูกรวดในช่วง 10 นาทีสุดท้าย นั่นทำให้ผลรวม 2 นัด ไทยนำผลบอล 4 - 3 กับกลับมาเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด เล่นเอาแฟนบอลชาวไทยใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว
ซึ่งงานนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหัวจิตหัวใจนักเตะไทยที่ แกร่งเยี่ยงเพชร กับยังมีสปิริตยืนหยัดสู้จนวินาทีสุดท้าย เพราะว่านี่ก็ถือเป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศในอีกรูปแบบหนึ่ง
เหมือนแต่ถ้าจักยกให้ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็น แมน ออฟ เดอะ เยียร์ ผมก็มั่นใจได้เลยว่าแฟนบอลชาวสยามประเทศคงไม่ปฎิเสธกับตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน
และเนื่องด้วยผลงานอันสุดสะเด่านับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วกับการซิวแชมป์ ศึกลูกหนังซีเกมส์ ต่อด้วยการคว้าแชมป์อันดับที่ 4 ในศึกเอเซียนเกมส์ ล่วงเลยจนมาถึง ศึกซูซูกิ คัพ 2014 มันทำให้คนไทยมีความสุขมาโดยตลอดกับ การนั่งดูเหล่าไทยลงเตะ
แต่ใครจักรู้ไหมครับ กว่าอดีตศูนย์หน้าตัวเก่ง ของเมืองไทยจักมาถึงขนาดนี้ได้ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง แน่นอนกับการตกลงใจเข้ามาเป็นโค้ชกรุ๊ปชาติไทยชุดใหญ่ก็เหมือนการสวมหัวโขนที่ต้องคอยกำกับกับกระตุ้นนักเตะในฝ่ายเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้
ด้วยเหตุผลที่เรื่องที่จักต้องแบกรับความกดดันจากการคาดหวังจากหลายๆ ด้าน รวมถึงแฟนบอลชาวไทยที่อยากเห็นสำเร็จในทุกๆ รายการที่แข่งขัน
พร้อมกับถ้าเราจะให้มองถึงการกำกับพวกชาติไทยนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะว่าเฉพาะการคัดเโจษจันกนักเตะที่มาจากหลายๆ สโมสร ซึ่งอาจจักเป็นซุปตาร์ของสังกัดนั้นๆ แน่นอนระบบแท็กติกการเล่นก็จักแตกต่างกันไป
พร้อมกับแถมยังเลือกมาก็ใช่ว่าจักสมบูรณ์แบบ เพราะว่าต้องมาขัดเกลาหลอมรวมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวพร้อมทั้งรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองทั้งในและนอกสนาม ซึ่งก็ถือว่าทำได้ยากกับแข้งวัยรุ่นช่วง 20 ต้นๆ
พางแต่ว่า ด้วยคาแร็กเตอร์ส่วนตัวของ โค้ชซิโก้ ที่มีพื้นฐานดีเยี่ยมในด้าน ระเบียบวินัย มันเลยเป็นจุดแข็งที่ติดตัวมาโดยตลอด ครั้งยังเป็นนักเตะจนทำให้กลายเป็น 1 ในสุดยอดศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของเมืองไทยคนนึง
กับรูปแบบการสร้างเหล่าที่เห็นได้ชัด คือไม่นิยม เด็กเส้นเด็กฝาก เหมือนโค้ชต่างชาติที่เคยลอดมา ที่ทำได้ลบภาพฟุตบอลไทยเก่าๆ ได้อย่างราบคาบ
โค้ชโก้ใช้ความเข้าใจในบุคลิกภาพของนักเตะพร้อมด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับลูกกลมๆ ที่หาไม่ได้จากชั้นเรียน มาปรับเปลี่ยนแก้ไขพร้อมด้วยถ่ายทอดสู่นักเตะในเหล่าได้อย่างลงตัว
ซึ่งจากที่ทันทีที่ก่อนพวกชาติไทยที่สภาพเหมือน ผู้ป่วยอาการโคม่า ที่รอวันตายอย่างเดียว กลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้งอย่างภาพที่เราได้เห็นกันไป
เท่าแต่ว่าภายใต้การควบคุมหมู่ของอดีตศูนย์หน้าจอมตีกาคนนี้ นั่นทำให้คนไทยโหมโรงมีศรัทธากลับมาพร้อมกับความหวังถึงความสำเร็จในเกมระดับชาติอย่างการไปเล่นฟุตบอลโลกที่ชาวไทยหลายคนตะโกรงสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต
และสิ่งนี้มันก็มีโอกาสเหมือนกัน ต่างว่าเรารักษาระดับการเล่นแบบนี้ เล่นให้มันส์ เล่นให้สนุก เล่นให้เต็มที่จนวินาทีสุดท้าย
ซึ่งหากเป็นไปได้ต้องการให้นักเตะชุดนี้เล่นกันไปเรื่อยๆ จะได้รู้ใจกันมากขึ้น เพราะมันคือสิ่งสำคัญของคำว่า กรุ๊ปเวิร์ค
เพราะที่สิ่งนี้นี่คือสาเหตุทั้งหมด ที่ว่าทำไม โค้ชซิโก้ ถึงเป็นหนึ่งในความภูมิใจฟุตบอลไทยด้วยกันเป็นขวัญใจของแฟนบอลไทยทั้งประเทศไปเพราะว่าปริยาย
โดยที่สุดท้ายนี้ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ โค้ชซิโก้ พร้อมทั้งบรรดานักเตะรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชในหมู่ทุกคน ที่ช่วยกันพาคณะคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ หนนี้
ผมก็ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่ามากๆ พร้อมด้วยเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะจดจำไปอีกนานแสนนาน
เรื่องโดย : มิดไนท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น